วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กุ้งผัดกระเทียม ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง ปีกไก่น้ำเเดง

สวัสดีเพื่อนๆ สมาชิกห้องรวมพลคนเข้าครัวครับ วันนี้ผมมีสูตรอาหารของเพื่อนๆ สมาชิกในห้องรวมพลคนเข้าครัวมาแนะนำ ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารที่น่าทานทั้งนั้นนั้นก็คือกุ้งผัดกระเทียม ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง ปีกไก่น้ำเเดง เรามาลองดูว่ามีเครื่องปรุงและวิธีทำอย่างไรบ้างนะครับ

กุ้งผัดกระเทียม




ส่วนประกอบกุ้งผัดกระเทียม
1.กุ้งสดแกะเปลือกผ่าหลังดึงเส้นดำออกพักไว้
2.กระเทียม พริกไทย รากผักชีตำรวมกันพักไว้
3.น้ำมันสำหรับผัด
4.น้ำตาลตัดรสหยิบมือนึง
5.น้ำปลา

วิธีทำ
ตั้งน้ำให้เดือดใส่กุ้งลงไปลวกพอสุกตักขึ้นพักไว้ เอากะทะตั้งไฟใส่น้ำมันเอาสามเกลอลงผัดให้มีกลิ่นหอมใส่น้ำนิดหน่อยปรุงรสตามชอบ ด้วยน้ำปลา น้าตาล ใส่กุ้งลงไปผัดให้เข้ากันตักใส่จานพร้อมทาน

อย่าใช้เวลาในการผัดกุ้งให้นานเกินไปจะทำให้เนื้อกุ้งกระด้างทานไม่อร่อยค่ะ

ขอขอบคุณสูตรนี้จากคุณอาม่า น่ารักด้วยครับ


ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง

ส่วนประกอบซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง
1.ซี่โครงหมูเลือกที่มีเนื้อมากหน้อยถ้าได้ส่วนที่ติดใบพายจะดีมากค่ะปริมาณตามชอบล้างให้สะอาดพักไว้
2.น้ำตาลปิ๊ป
3.ซอสปรุงรสต่างๆ
4.กระเทียม
5.พริกไทยเม็ด
6.รากผักชี
7.น้ำผึ้ง

วิธีทำ
1.เอาสามเกลอ (กระเทียม,พริกไทยเม็ด,รากผักชี )มาตำรวมกันให้ละเอียด ใส่ไว้ในชามผสม ใส่กระดูกหมูลงไป
2.ตามด้วย น้ำตาลปิ๊ป ซอสปรุงรส แล้วขยำให้ส่วนผสมเข้ากันดี ชิมรสชาติให้ถูกใจ แล้วเอาเข้าตู้เย็นไว้ในช่องธรรมดา จนกว่าจะอบ
3. เราใช้หม้ออบลมร้อน อบซี่โครงหมู ใช้ไฟที่อุณหภูม 200 องศา อบนานประมาณ 45 นาที พอครบ 20 นาทีแรกให้เอาน้ำผึ้งที่เตรียมไว้ทาให้ทั่วแล้วพลิกเอาด้านล่างขึ้น พอครบ 20 นาทีหลัง ให้ทาน้ำผึ้งอีกครั้งอบต่อ 5 นาที เป็นอันเสร็จ เราก็ได้ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้งหอมๆ จัดใส่จานพร้อมทานค่ะ

วันนี้อาม่าไม่ได้ใส่ สามเกลอลงไปด้วยเพราะหลานตัวน้อยไม่ชอบค่ะ หากท่านชอบให้ซี่โครงแห้งกว่านี้ก็เพิ่มเวลาในการอบ อยากให้สีเข้มเพิ่มซีอิ๊วดำนิดหน่อยค่ะ

ขอขอบคุณสูตรนี้จากคุณอาม่า น่ารักด้วยครับ



ปีกไก่น้ำเเดง

ส่วนประกอบปีกไก่น้ำเเดง
1.ปีกไก่
2.ซอสมะเขือเทศ
3.ซีอิ้วขาว
4.น้ำตาลทราย
5.เนยสดชนิดเค็ม
6.ผักชี

วิธีทำ
1.ปีกไก่นำไปนึ่งจนสุก
2.จากนั้นนำไปทอดในเนยหรือน้ำมันก็ได้คะให้พอเหลืองตั้งพักไว้

วิธีทำซอสน้ำเเดง
1.นำน้ำที่นึ่งไก่ใส่ลงกะทะตามด้วยซอสมะเขือเทศ เนย ซีอิ้วขาว น้ำตาลทรายลงไปเคี่ยวให้ออกรส เค็มหวานติดเปรี้ยวนิดๆ คะถ้าจะให้น้ำหนืดๆ ก็ใส่เเป้งข้าวโพดเพิ่มได้คะ
2.ใส่ไก่ลงไปเคี่ยวเเค่พอให้น้ำซอสเข้าเนื้อตักเสริฟโรยด้วยผักชีคะ

ขอขอบคุณสูตรนี้จากคุณ Moo Preeya ด้วยครับ

เห็นไหมครับการทำอาหารนั้นไม่ยากอย่างที่คิดอย่างไงผมของของสูตรสูตรอาหาร ของทั้งสามท่านด้วยครับ เพื่อนๆ ท่านใดอยากเป็นส่วนหนึ่งของเราเชิญได้ที่ห้อง "รวมพลคนเข้าครัว" หรือแฟนเพจรวมพลคนเข้าครัวได้ครับ เรายินดีต้อนรับคุณเสมอ 

อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ



อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ



ในพื้นที่ 50,000 ไร่หรือ 80 ตารางกิโลเมตร ในเขตอำเภอโขงเจียม และอำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานีนั้นเป็นเขตพื้นที่ของ อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ซึ่งมีสภาพทางภูมิศาสตร์โดยทั่วไปนั้นเป็นที่ราบสลับกับเนินเขาเตี้ยๆ ไม่สูงนัก ซึ่งจุดสูงที่สุดอยู่ที่ยอดเขาบรรทัด มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 543 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศลาว (สปป.ลาว) ทางทิศเหนือ มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำขงไหลผ่านแลดูสวยงามตา แม่น้ำที่แก่งตะนะนั้นมีความเชียวและลึก อีกทั้งยังค้นพบว่าด้านล่างของแม่น้ำยังมีถ้ำอยู่หลายแห่ง ประกอบด้วยบริเวณตรงกลางของแม่น้ำมีเกาะแกงขนาดใหญ่หลายแห่ง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้มีพรรณปลามากมายอาศัยอยู่อย่างชุกชุม อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะนั้นได้ถูกประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ วันที่ 13 กรกฎาคม 2524 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 33 ของประเทศ คำว่า ตะนะ นั้นเกี่ยวเนื่องมาจากเรื่องรวมความเชื่อของชาวบ้าน ซึ่งแต่เดิมนั้นเรียกว่า มรณะ เหตุที่มีชื่อเรียกเช่นนี้เพราะบริเวณแก่งตะนะนั้นมีกระแสน้ำไหลเชียวมาก ประกอบกับมีหินน้อยใหญ่มากมาย ชาวบ้านที่อาศัยแม่น้ำสายนี้หากินจับสัตว์น้ำมักจะประสบอุบัติเหตุขึ้นอยู่เสมอๆ ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า แก่งมรณะ แต่หลังจากนั้นจึงคิดได้ว่าชื่อแก่งมรณะนั้นเป็นอัปมงคลไม่น่าเที่ยวจึงเปลี่ยนมาเรียกกันเสียใหม่ว่า แก่งตะนะ  



ภายในอุทยานแห่งชาตินั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งเช่น ดอนตะนะ ซึ่งกลางแม่น้ำมลนั้นเกิดมีดอนหรือที่รู้จักกันว่าเกาะขวางอยู่กลางแม่น้ำ มีสะพานแขวนพาดผ่านสามารถเดินข้ามไปมาหากันได้ทั้ง 2 ด้าน ส่วนที่น่าพักผ่อนเป็นอย่างยิ่งคือทางตอนเหนือของดอน เพราะเป็นหาดทรายขาวงามตา ตรงกลางของเกาะนั้นมีสิ่งปลูกสร้างสมัยฝรั่งเศสล่าอาณานิคม นันคือเครื่องชี้ร่องน้ำในการเดินเรือ สะพานแขวนเป็นสะพานที่เชื่อมกันด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่ ลานผาผึ้งเป็นลานหินทรายและหน้าผาสูงชัน ณ บริเวณนี้เหมาะแก่การชมวิวดูพระอาทิตย์ตกเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพของประเทศลาว (สปป.ลาว) ได้อย่างชัดแจน จุดสุดท้ายที่น่าไปชมคือเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกรากไทร ตั้งอยู่หน้าผาริมแม่น้ำมูล ทางเส้นนี้เป็นเส้นทางเดินเลียบผาซึ่งมีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ตรงนี้นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาธรรมชาติของพืชและสัตว์ได้ 

อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะนั้นยังมีบริการที่พักไว้ให้นักท่องเที่ยวได้กางเต้นท์และบ้านพักอีกด้วย โดยนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อของพักได้ที่เจ้าหน้าที่อุทยาน

*เรียบเรียงโดย กินเที่ยวทั่วไทย
**ภาพประกอบจาก http://www.dnp.go.th

เต้าหู้ย่างซีอิ๊ว

เต้าหู้ย่างซีอิ๊ว


เต้าหู้ กำเนิดมากว่า 2,000 ปีในจีนแผ่นดินใหญ่ คนจีนบางกลุ่มถือว่าเต้าหู้เป็นอาหารที่มีคุณค่าสูงที่อยู่ในความธรรมดาสามัญ คนไทยเรียกเต้าหู้เพี้ยนมาจากภาษาจีนว่า โตวฟู คนฮกเกี้ยนเรียกว่า ต้าวกั่ว คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า โทฟุ (tofu) คนอังกฤษเรียก bean curd หรือบางครั้งก็เรียกทับศัพท์ว่า tofu เช่นกัน ส่วนชาวฝรั่งเศสเรียกว่า fromage de soja (ชีสถั่วเหลือง)
เต้าหู้ ก้อนแรกเกิดขึ้นในประเทศจีน เล่าขานกันว่า เจ้าชายหลิวอัน (พระนัดดาของจักรพรรดิหลิวปัง กษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์ฮั่น) สั่งให้พ่อครัวบดถั่วเหลืองให้เป็นผงแล้วนำไปต้มเป็นน้ำซุปด้วยเกรงว่ารสจะ จืดเกินไป จึงโปรดให้พ่อครัวเติมเกลือลงไปปรุงรส เพื่อถวายพระมารดาซึ่งประชวรหนักจนไม่มีแรงที่จะเคี้ยวอาหารได้
น้ำซุปถั่วเหลืองนั้นค่อยๆ จับตัวข้นเป็นก้อนสีขาวนุ่มๆ เมื่อพระมารดาเสวยแล้วถึงกับรับสั่งว่าอร่อย เจ้าชายจึงให้เหล่าพ่อครัวค้นหาสาเหตุ จึงพบว่าเกลือบางชนิดมีผลทำให้ผงถั่วเหลืองผสมน้ำเกิดการเกาะตัวขึ้นเป็นเต้าหู้
ชาว ญี่ปุ่นรู้จักการปลูกถั่วเหลืองมานานแล้ว เต้าหู้เดินทางเข้ามาในญี่ปุ่นในสมัยนารา มีการบันทึกว่า เคนโตะ พระญี่ปุ่นนำเต้าหู้มาเผยแพร่หลังจากกลับมาจากการศึกษาพุทธศาสนาที่ประเทศ จีน แต่ยังเป็นอาหารที่ รับประทานกันในหมู่พระญี่ปุ่น ร้อยปีถัดมา เต้าหู้จึงได้มาเป็นส่วนหนึ่งในเมนูของชนชั้นขุนนางและซามูไร ส่วนประชาชนได้ลิ้มรสในสมัยเอโดะ
แต่พวกเขาเพิ่งรู้จักวิธีดัดแปลงถั่วเหลืองนำไปปรุงเป็นเต้าหู้เมื่อพุทธศตวรรษที่ 7 โดยทางพุทธศาสนา แต่ศาสนาพุทธในสังคมญี่ปุ่นสมัยนั้นเป็นศาสนาของชนชั้นกลางและชนชั้นสูงบทบาทเต้าหู้ในอาหารญี่ปุ่นจึงจำกัดไว้กับคนเฉพาะกลุ่มซึ่งแตกต่างจากจีนที่ไม่มีการแบ่งชนชั้น
วิธีการเตรียมอาหารจีน และญี่ปุ่นต่างกัน คือ คนจีนพยายามดัดแปลงเต้าหู้ในรูปแบบต่างๆ มากมาย เช่น อาจเปลี่ยนรูปทรงหรือรสชาติไป ในขณะที่คนญี่ปุ่นกลับพยายามรักษาความเรียบง่ายรวมทั้งรสชาติ รูปทรงและสีสันของเต้าหู้ให้คงไว้อย่างเดิมให้มากที่สุด พร้อมกับเสิร์ฟในจานหรือถ้วยที่สวยงามจนถือว่าเป็นศิลปะขั้นสูงแขนงหนึ่ง
เต้าหู้ เป็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการสูงโดยเฉพาะโปรตีน ซึ่งให้โปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์บางชนิดถึง 2 เท่าในปริมาณที่เท่ากันและมีราคาถูกอีกด้วย
ถั่ว เหลืองซึ่งนำมาผลิตเป็นเต้าหู้ยังมีเลซิติน ซึ่งมีผลในการลดไขมันและช่วยสงเสริมการทำงานของระบบประสาทที่เกี่ยวกับความ ทรงจำ รวมทั้งฮอร์โมนจากพืชที่เรียกว่า ไฟโตเอสโทรเจน ที่มีการวิจัยพบว่ามีผลในการป้องกันมะเร็งและมีผลดีต่อผู้หญิงวัยทองคือช่วย ชะลอภาวะหมดประจำเดือนและลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม
จึงสรุปได้ว่า เต้าหู้เหมาะกับทุกคนในครอบครัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใหญ่วัย 40 ปีขึ้นไปเพราะเต้าหู้จะช่วยให้ระบบการย่อยทำงานได้ดีขึ้น
                ที่นี่เราลองมาเอาเต้าหู้มาทำอาหารกินกัน เมนูเด็กสำหรับสุขภาพในวันนี้ก็คือ “เต้าหู้ย่างซีอิ๊ว”

ส่วนผสม
เต้าหู้อ่อนกึ่งแข็งหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 400 กรัม
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรมเจผสมเห็ดหอม 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา                4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย          1 1/2 ช้อนชา
ขิงสับละเอียด       1 ช้อนชา
พริกไทยป่น          1/2 ช้อนชา
งาขาว     1 ช้อนชา
งาดำ       1 ช้อนชา
ขิงดอง  
ผักสด เช่น แครอทขูดฝอย ผักสลัด                

วิธีทำ
1. ผสมซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรมผสมเห็ดหอม น้ำมันงา น้ำตาลทราย ขิงสับละเอียด พริกไทยป่น คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
2. ใส่เต้าหู้ลงในน้ำซอสปรุงรสข้อ 1 โรยงาขาวและงาดำคลุกเคล้าให้เข้ากันหมักไว้ 20 นาที
3. ย่างเต้าหู้ให้สุกและมีกลิ่นหม ทาด้วยน้ำซอสปรุงรสซ้ำหลายๆครั้ง ขณะย่างเต้าหู้
4. เคี่ยวน้ำซอสปรุงรสที่เหลือจากการหมักเต้าหู้ให้พอเดือด ยกลง
5. จัดเต้าหู้ย่างซีอิ๊วใส่จาน ตกแต่งด้วยผักสลัด แครอทและขิงดอง ราดด้วยน้ำซอสปรุงรสที่เหลือบนเต้าหู้ย่าง จัดเสิร์ฟขณะร้อน

หมายเหตุ
- การ เลือกเต้าหู้สำหรับนำมาย่างไม่ควรเลือกชนิดอ่อนหรือแข็งเกินไปเพราะจะทำให้ ไม่ได้เนื้อสัมผัสของเต้าหู้และซอสปรุงรสไม่ซึมเข้าไปในเนื้อเต้าหู้
- การย่างสามารถย่างบนกระทะเทฟลอนแบบร่องหรือตะแกรงย่างได้ทั้ง 2 แบบ

ขอบคุณภาพประกอบโดย http://www.dumenu.com/recipe/220
ข้อมูลเต้าหู้จาก http://th.wikipedia.org/wiki
เรียบเรียงโดย “รวมพลคนเข้าครัว

เต้าหู้สอดไส้เห็ดหอม (เจ)

เต้าหู้สอดไส้เห็ดหอม (เจ)


อาหารเจ นั้นมีประโยชน์และมีคุณค่าหลากหลายประการ สมัยก่อนกว่าจะได้กินอาหารเจนั้นต้องรอให้ถึงเทศกาลกินเจ แต่ปัจจุบันนั้นมีร้านขายอาหารเจเฉพาะอยู่มากมาย วัตถุดิบที่เอามาทำอาหารเจนั้นก็มีอยู่ทั่วไป เราสามารถนำเอาวัตถุดิบนั้นๆ มาทำอาหารเจได้ไม่ยากนัก เต้าหู้ก็เป็นวัตถุดิบที่นิยมนำมาประกอบอาหารเจเป็นอันดับต้นๆ วันนี้ 108อาหารไทยจะขอแนะนำเมนูอาหารเจที่ชื่อว่า เต้าหู้สอดไส้เห็ดหอม

ส่วนผสม
เต้าหู้อ่อนกึ่งแข็ง 3 ก้อน
เห็ดหอมสดขนาดเล็ก 5-6 ดอก
ซีอิ๊วขาว 5-6 ช้อนชา
เกาลัดต้มสุก 10 เม็ด
ก้านหรือใบขึ้นฉ่าย 2 ก้าน

ส่วนผสมไส้
เต้าหู้อ่อนกึ่งแข็งบดหยาบ 150 กรัม
เห็ดหอมหั่นละเอียด 50 กรัม
เกาลัดแกะเปลือกหั่นละเอียด 50 กรัม
ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา
เต้าเจี้ยวโขลกหยาบ 1 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำส่วนผสมไส้เห็ดหอม โดยผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ปรุงรสด้วยซอสปรุงรสและเต้าเจี้ยว
2. หั่นเต้าหู้ตามความหนาของชิ้นเต้าหู้ให้ได้เป็นชั้นๆเปิดชิ้นเต้าหู้ออก
3. ใส่ไส้เห็ดหอมลงบนชิ้นเต้าหู้ วางเต้าหู้ชิ้นต่อไปซ้อนทับบนไส้ ทำเช่นเดียวกันนี้ให้ได้ 3 ชั้น
4. จัดเต้าหู้สอดไส้เห็ดหอมใส่จาน เรียงเห็ดหอม เกาลัดลงในจาน ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ราดบนเต้าหู้ให้ทั่ว นำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
5. ตกแต่งด้วยขึ้นฉ่าย จัดเสิร์ฟขณะร้อน

หมายเหตุ
- รับประทานได้ 3-4 ที่
- เต้าหู้ที่นำมาใช้หากอ่อนเกินไปจะไม่อยู่ตัวและแตกง่าย ควรเลือกใช้เต้าหู้ที่มีความอ่อนและอยู่ตัว

ขอขอบคุณภาพจาก http://www.deeday23.com/
เรียบเรียงบทความโดย รวมพลคนเข้าครัว

หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน



หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน


          ในอดีตนั้นเมืองไทยใช้ภาชนะทำอาหารก็ล้วนแต่ใช้เครื่องปั้นดินเผาทั้งสิน เครื่องปั้นดินเผาของไทยที่สวยงามคงทนนั้นมีมากมายหลายที่ อีกที่หนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากรุงเทพฯ มากนักก็คือที่ หมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน ที่จังหวัดนครราชสีมา (โคราช) หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 15 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 2 นครราชสีมา โชคชัย เป็นอีหมู่บ้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล โดยเมื่อก่อนนั้นชาวหมู่บ้านแห่งนี้ได้เรียนรู้เรื่องการปั้นเครื่องปั้นดินเผาจากชาวข่าซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าหนึ่งจัดอยู่ในตระกูลมอญ เขมรส่วนใหญ่อาศัยอยู่แถบลุ่มแม่น้ำโขง แต่เดิมก็เป็นหมู่บ้านที่ปั้นเครื่องปั้นดินเผาที่ใช้ภายในครัวเรือนจำพวกหม้อ ไห โอง ครก ฯลฯ ทว่าปัจจุบันได้พัฒนารูปแบบให้ทันสมัยขึ้น โดยปั้นเป็นเครื่องประดับ และของตกแต่งบ้านมากขึ้น จนถึงยังเป็นสินค้าส่งออกไปขายที่ต่างประเทศอีกด้วย เหตุเพราะเครื่องปั้นดินเผาของหมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่นิยมเพราะ ดินของที่นี่เมื่อเผาออกมาแล้วมีลักษณะเป็นสีสัมฤทธิ์ (สำริด) คือสีออกแดงแกร่งๆ ปัจจุบันสินค้าของหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนนั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก และยังได้รับการจัดตั้งให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว OTOP จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเมื่อปี พ.ศ. 2548 นับว่าเป็นหนึ่งใน 4 แห่งของประเทศอีกด้วย

            หากนักท่องเที่ยวสนใจชมความงามของสินค้าประเภทเครื่องปั้นดินเผา หรืออยากจะลองใช้ชีวิตแบบชาวด่านเกวียนแล้วละก็ เมื่อผ่านไปเส้นทางสายนครราชสีมา โชคชัยไม่ควรพลาด โทรฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่ 08-7877-7544 / 08-1265-4078 (กลุ่มด่านเกวียนโฮมสเตย์)

*เรียบเรียงโดย กินเที่ยวทั่วไทย
**ภาพประกอบจาก http://www.rayong-live.com

หมูสะเต๊ะ

หมูสะเต๊ะ


                หมูสะเต๊ะนั้นเป็นอาหารว่างที่รัปะทานได้ทั้งเด็และผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่รัปทางกับน้ำจิ้มที่เรียกว่า “อาจาด” และ “ขนมปังปิ้ง” ส่วนสำคัญที่สุดคือน้ำจิ้มและการหมักหมู หมูสเต๊ะนั้นสามารถเอาเนื้องอย่างอื่นแทนได้เช่น ไก่และเนื้อวัว แต่ส่วนมากมักจะเอาหมูมาทำมากกว่า หมูสะเต๊ะ นั้นถือว่าเป็นอาหารที่หากินได้ค่อนข้างยาก ต้องเป็นตลาดใหญ่ๆ ย่านชุมชนเท่านั้น การขายอาหารประเภท นี้ส่วนมากจะขายเป็นชุด ตั้งแต่ 20 ไม้ขึ้นไป ราคาก็ค่อนข้างแพงอยู่ซักหน่อย เพราะกรรมวิธีการทำค่อนข้างยากและมีหลากหลายขั้นตอน ที่นี้เราลองมาทำอาหารที่ชื่อว่าหมูสะเต๊ะ ทำกันดีกว่า

ส่วนผสมทั้งหมดมีดังนี้
เนื้อหมูสันนอก 500 กรัม
เครื่องหมักหมู
ลูกผักชีคั่ว 1/2 ช้อนชา
ยี่หร่าคั่ว 1/2 ช้อนชา
ตะไคร้หั่น 1 ช้อนโต๊ะ
ข่าหั่น 1 ช้อนชา ผิ
วมะกรูดซอย 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ
1.  ล้างหมู หั่นเป็นชิ้นยาวขนาด 1 x 4 นิ้ว
2.  โขลกเครื่องเทศ ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด เกลือเข้าด้วยกัน
3.  นำส่วนผสมในข้อ 2 ผสมกับหมูใส่นมข้น ผงขมิ้น น้ำมัน เนย เคล้าให้เข้ากัน หมักไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วนำมาเสียบไม้
น้ำจิ้มพริก
พริกแห้งเม็ดใหญ่ 3 เม็ด
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
ข่าหั่น 1/2 ช้อนชา
ตะไคร้หั่น 2 ช้อนชา
ผิวมะกรูดหั่น 1/4 ช้อนชา
รากผักชี 2 ช้อนชา
หอมแดง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 1/2 ช้อนโต๊ะ
กะปิ 1 ช้อนชา
มะพร้าวขูด 500 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามคั้นข้น ๆ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพริก 1/4 ถ้วยตวง (ใช้พริกสี 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำมัน 1/4 ถ้วยตวง ตั้งน้ำมันให้ร้อน ยกกระทะขึ้นเทพริกใส่รินใช้แต่ส่วนที่ใส)
ถั่วลิสงคั่วป่น 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำน้ำจิ้ม
1.  โขลกส่วนผสมน้ำพริกให้ละเอียด
2.  คั้นมะพร้าวใส่น้ำ 1 1/4 ถ้วยตวง คั้นให้ได้กะทิ 2 ถ้วยตวง
3.  ผัด น้ำพริกด้วยน้ำมันให้หอม ถ้าแห้งให้เติมกะทิ และใส่กะทิที่เหลือ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล และน้ำมะขาม ถั่วลิสง ยกลงใส่น้ำมันพริกลอยหน้า

วิธีทำอาจาด
น้ำส้ม 1/2 ถ้วยตวง
น้ำ 1/2 ถ้วยตวง
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำตาล 1/3 ถ้วยตวง
หอมแดงหั่น 4 หัว
พริกแดง 3 เม็ด
แตงกวาหั่น 4 ผล

ผสมน้ำ น้ำส้ม เกลือ น้ำตาล ทิ้งให้เย็นใส่ในหอมแดงและแตงกวา พริกแดงหั่นเป็นแว่น

วิธีปิ้งขนมปัง
ใช้ไฟแรงนำหมูที่เสียบไม้ไว้มาปิ้ง พรมด้วยหัวกะทิจนหมูสุก


 ***ขอบคุณภาพจาก http://www.bigshopping.com
เรียบเรียงบทความโดย “รวมพลคนเข้าครัว

ข้าวผัดอเมริกันและแซนวิสไก่กรอบ

ข้าวผัดอเมริกันและแซนวิสไก่กรอบ


วันนี้วันหยุดวันอาทิตย์เป็นวันครอบครัว พ่อ แม่ ลูกอยู่กันพร้อมหน้าอาหารหรือกับข้าวก็น่าจะออกไปในแนวครอบครัว โดยเน้นการมีส่วนร่วมของลูกๆ เป็นหลัก การทำอาหารนี้ถือว่าเป็นกิจกรรมครอบครัวอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้นอกเหนือจากกิจกรรมอื่นๆ ตอนเด็กๆ แม่และย่ามักจะให้ผมเข้าไปช่วยในครัวเป็นประจำตั้งแต่ล้างผัก เด็ดผัก จ่ายตลาด จนถึงทำอะไรง่ายๆ ที่เด็กสามารถทำเองได้นั้นละครับ มันเลยติดเป็นนิสัยให้ผมชอบทำอาหารตั้งแต่นั้นมา
อาหารง่ายๆ ที่สามารถกินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ผมจะนำเสนอในวันนี้คือ “ข้าวผัดอเมริกันและแซนวิสไก่กรอบ” ขอเกริ่นก่อนนะครับว่า ข้าวผัดอเมริกันนี้แท้จริงแล้วเป็นอาหารที่คนไทยคิดทำเป็นคนแรกนะครับ ไม่ใช่ฝรั่งอะไรที่ไหนคิดหรอกครับและคนที่คิดทำนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ถ้าเป็นนักอ่านหรือนักเขียนจะรู้จักกันดีครับท่านนั้นก็คือคุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัตเจ้าของนามปากกา นิตยา นาฏยะสุนทร (ผู้ประพันธ์นิยายเรื่องแก้วตาดวงใจนั้นละครับ) ภรรยา นายวิลาศ มณีวัต บรรณาธิการ นสพ.ชาวกรุง คนแรก
 
เรื่องมันมีอยู่ว่า ขณะทำงานเป็น ผู้จัดการราชธานีภัตตาคาร ซึ่งเป็น แอร์พอร์ตเรสตัวรองต์ ของกรมรถไฟ ใน สนามบินดอนเมือง โดยที่มีสายการบินแห่งหนึ่งสั่งจองอาหารเช้า และอาหารกลางวันไว้แต่ยกเลิกเที่ยวบิน ทำให้อาหารเช้าแบบอเมริกันที่เตรียมไว้ เช่น ไข่ดาว ไส้กรอก เหลืออยู่จำนวนมาก คุณหญิงสุรีพันธ์ ได้นำข้าวผัดที่มีอยู่มาประกอบกับอาหารเช้าแบบอเมริกันดังกล่าวเพื่อรับประทาน นายทหารอากาศไทยที่เห็นเข้าได้สั่งรับประทานด้วย เมื่อทหารอเมริกันมาเห็นและถามถึงชื่อข้าวผัดดังกล่าว คุณหญิงสุรีพันธ์ ได้ตั้งชื่อว่า "อเมริกัน ฟรายด์ ไรซ์" หรือ "ข้าวผัดอเมริกัน" (จากวิกิพีเดีย)
ครับตามที่เราทราบอยู่แล้วว่าเจ้าข้าวผัดอเมริกันนั้นประกอบด้วยส่วนหลักๆ ก็คือ ข้าวผัดด้วยซอสมะเขือเทศซีอิ๊ว นิยมผัดกับเนยมากกว่าน้ำมัน มักใส่ลูกเกดด้วยเสมอ อาจมีเมล็ดถั่วเตา/หัวหอมหั่นชิ้นเล็กๆ/แฮมหั่นชิ้นเล็กๆ ผัดรวมกันด้วยก็ได้ โดยมี ไก่/ทอดไก่ย่าง/ไก่อบ ไส้กรอก/แฮม และไข่ดาว เป็นเครื่องประกอบ (จากวิกิพีเดีย) แต่ทีนี้เราไม่จำเป็นจะต้องทำให้ครบหรือเหมือนกันทุกอย่างหรอกครับ แทนที่ผมจะใช้ไก่ย่างหรือไก่อบ น่องหรือปีทอดผมก็จะขอใช้ไก่อกทอดกรอบนี้ละครับแทนไก่ที่เคยใช้แบบเดิมๆ แทน
อ้อ...เกือบลืมแม่ที่ลูกๆ ไม่ค่อยชอบกินผักก็ใช้ข้าวผัดอเมริกันนี้ละครับให้ลูกได้ฝึกกินผัก โดยเราจะหั่นผักซอยเป็นชิ้นเล็กเอาไปผัดกับข้าวที่ใส่ซอสมะเขือเทศเพื่อกลบกลิ่นและรสชาติของผัดครับ
ขั้นตอนแรกเรามาเริ่มด้วยการทำไก่ทอดกรอบก่อนนะครับสิ่งที่ต้องใช้มีตามนี้
1.อกไก่
2.แป้งทอดกรอบ
3.เกล็ดขนมปัง
4.ไข่ไก่
5.ผงปรุงรส เกลือ พริกไทย

ขั้นแรกล้างไก่ให้สะอาดแล่ตามยาวขนาดซัก 1- 1.5 ซม. เอาง่ายๆ อย่าให้มันบางหรือหนาเกินไปนั้นละครับ ต่อไปเราก็เอาที่ทุบเนื้อทุบอกไก่เบาๆ อย่าทุบแรงมันจะแหลก ถ้าไม่มีที่ทุบเนื้อก็มีดนั้นละครับตบๆ เอาเลย ตรงนี้เราจะหมักหรือไม่หมักไก่ก็ได้นะครับ ถ้าหมักก็หมักเครื่องบางๆ อย่าไปหมักเยอะครับ มันไม่ใช่เนื้อทอดไก่ทอด

ขั้นต่อไปเอาแป้งทอดกรอบมา แป้งทอดกรอบมันมีหลายแบบ ทั้งแบบธรรมดา แบบมีใส่เครื่องปรุง หรือเราอยากกินแบบแซบๆ ก็เอาที่เป็นแบบผงแซบก็ได้ครับเคยเห็นมีขายอยู่ ถ้าจะใช้เป็นแบบธรรมดาเลยก็เอาพริกไทยป่น เกลือ ผงชูรส ผงปรุงรสคลุกกับแป้งอย่างละนิดละหน่อย
ต่อไปครับตีไข่แล้วก็ปรุงรสแบบไข่เจียวแต่ไม่ต้องเข้มมากนักนะครับเพราะเรามีแป้งที่ปรุงรสอยู่แล้ว หรือถ้าใครใช้ไก่ที่หมักก็ไม่ต้องปรุงรสไข่กับแป้งเลย



ต่อเลยครับเอาอกไก่ที่แล่แล้วไปคลุกกับแป้งให้ทั่ว ก่อนที่เราจะเอามาจุ่มไข่ไก่เราก็เคาะแป้งออกก่อนมันจะได้ไม่หนาเกินไป เมื่อเราเอาไก่จุ่มลงไปในไข่จนทั่วแล้วก็เอาไปคลุกกับเกล็ดขนมปังให้ทั่วทุกด้านกดมันเบาๆ นิดหนึ่งเพื่อให้เกล็ดขนมปังติด







เมื่อเสร็จแล้วเราก็ตั้งกระทะ(จริงๆ ควรตั้งกระทะรอไว้เลย) ตรงนี้ขอบอกเลยนะครับ อย่าไปงกน้ำมัน ใช้น้ำมันเยอะเอาแบบท่วมไก่ที่เราจะทอดเลยครับ ถ้าเป็นน้ำมันใหม่ยิ่งดี เวลาทอดออกมาแล้วจะได้สีเหลืองน่าทานครับ เมื่อเราทอดเสร็จแล้วก็รีบกรองเอาเศษของเกล็ดขนมปังออกใส่ภาชนะรอให้เย็นแล้วปิดฝาให้สนิท เท่านี้ก็เป็นการรักษาน้ำมันแล้วครับ เมื่อเราตั้งกระทะรอไฟให้ได้ที่ คำว่า “ได้ที่” ดูอย่างไร? ไม่ยากครับมี 2 วิธีคือ 1.ใช้ตะเกียบไม้ไผ่ (ที่ใช้กันตามร้านริมทางนั้นละครับ) จุ่มลงไปในน้ำมันดูที่ปลายของตะเกียบถ้ามีฟองเล็กๆ ออกมาจากปลายนั้นก็ใช้ได้ครับ 2.เอาเกล็ดขนมปังนั้นละครับลงโยนใส่ดูถ้าเกล็ดขนมปังถูกน้ำมันแล้วขึ้นฟูขึ้นทันทีก็ใช้ได้ครับ พอน้ำมันเดือดได้ที่ก็เอาไก่ลงไปทอดเลยครับ จะใช้เวลาเท่าไรก็ขึ้นอยู่กับขนาดของความหนาและบางของเนื้อไก่ที่เราแล่นั้นละครับ พอข้างนอกเหลืองกรอบดีแล้วก็เอาขึ้นพักไว้บนตะแกรงตาห่าง อ้อ...เกือบลืมไป! ก่อนที่เราจะเอาไก่ขึ้นจากกระทะซัก 30 วินาทีให้เราเร่งไฟให้แรงหน่อย เหตุผลคือเนื้อไก่ที่เราทอดจะไม่อมน้ำมัน (ตรงนี้สามารถใช้ได้กับของทอดทุกอย่างนะครับ ให้เร่งไฟให้แรงก่อนเอาของทอดขึ้นจากกระทะ)



เห็นไหมครับไม่ยากเลย เราจะเปลี่ยนจากเนื้อไก่เป็นเนื้อหมูหรือเนื้อปลาก็ได้ครับตามใจเรา อีกอย่างพื้นฐานการชุบเกล็ดขนมปังนี้เราสามารถเอาไปทำอาหารได้อีกหลายอย่างเช่นสลัดไก่ทอดกรอบ หมูหรือไก่ทงคัตสึ ฯลฯ
ต่อไปก็ผัดข้าวนะครับ ผัดข้าวก็ไม่ยากอะไรเลยทุกคนก็คงทำได้อยู่แล้วสิ่งที่ต้องเตรียมมี
1.ข้าวสวย
2.กะเทียม
3.หอมใหญ่หั่นหยาบ
4.แครอทหั่นหยาบ
5.มะเขือเทศใหญ่หั่นหยาบ
6.ต้นหอมซอย
7.ผักอะไรก็ได้ที่ต้องการจะเอามาผัดเช่นถั่วลั่นเตา ข้าวโพดอ่อน ข้าวโพด ฯลฯ เพื่อเพิ่มสีสันและคุณค่าทางอาหาร
8.ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก พริกไทย ซอสปรุงรส


ผัดข้าวก็ผัดง่ายๆ ครับเอากระทะตั้งไฟเอาน้ำมันใส่ไปนิดหรืออยากให้หอมก็ใช้เนยแทนน้ำมันก็ได้นะครับ เมื่อกะเทียมหอมแล้วก็เอาผักลงไปผัดๆ ใส่ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก (ไม่ต้องใส่ก็ได้นะครับถ้าไม่ชอบซอสพริก แต่ถ้าใส่ต้องเน้นไปที่ซอสมะเขือเทศเป็นหลัก) ตามด้วยข้าวสวยผัดๆ ไปเรื่อยๆ แล้วโรยด้วยหอมซอยเป็นอันเสร็จปิดไฟได้ครับ



เสร็จทอดไก่และผัดข้าวแล้วเราก็ทอดไข่ดาวและไส้กรอกแล้วจัดใส่จานตกแต่งด้วยผักต่างๆ เท่านี้ก็ได้แล้วครับข้าวผัดอเมริกันไก่กรอบ






ทีนี้มาดูที่แซนวิสมั่งครับก็ไม่มีอะไรยุ่งคือถ้าเราหาขนมปังที่เป็นแบบแฮมเบอร์เกอร์ไม่ได้ก็ใช้ขนมปังแผ่นธรรมดาๆ นี้ละครับ จะเอาแบบตัดขอบหรือไม่ตัดขอบก็ตามใจครับ ไก่ที่เราจะเอามาใส่กับขนมปังเราก็ตัดให้พอดีสี่เหลี่ยมของขนมปัง ผักก็ผักพื้นฐานเช่นผักกาดหอม แครอท แตงกว่า มะเขือเทศวางๆ ไปครับแล้วเอาซอสมายองเนสหรืออะไรที่ชอบราดลงไปเท่านี้ก็ได้แซนวิสไก่ทานแล้วครับ

เห็นไหมครับว่ามันไม่ยากหรอกครับ มันยากที่เราไม่ทำนั้นละครับ มั่วแต่ไปซื้อกินตามห้างแพงก็แพงอีกด้วย สู้ทำเองก็ไม่ได้ วันนี้ขออัพบล๊อกเท่านี้ก่อนนะครับ คราวหน้าจะชวนมาทำอะไรคอยติดตามครับ
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า เรื่องและภาพ
พบเจอกันได้ที่ห้อง “รวมพลคนเข้าครัว
และเว็บ “รวมพลคนเข้าครัว” นะครับ