วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง แกงน้ำเคยปลากุ้งสับ แกงส้มปลากดปักษ์ใต้



ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง แกงน้ำเคยปลากุ้งสับ แกงส้มปลากดปักษ์ใต้ 

สวัสดีครับเพื่อนๆ สมาชิกห้อง “รวมพลคนเข้าครัว” และเว็บ “กินเที่ยวทั่วไทย” วันนี้ผมได้นำสูตรการทำกับข้าวของเพื่อนสมาชิกมาให้ได้ลองทำทานอีกแล้วครับ ซึ่งวันนี้เป็นอาหารประเภททานเล่นคือ “ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง” วิธีทำก็ไม่ยากอย่างที่คิด อีก 2 เมนูนั้นเป็นแกงจากเมืองปักษ์ใต้บ้านเราคือ “แกงน้ำเคยปลากุ้งสับ” และ “แกงส้มปลากดปักษ์ใต้” ซึ่งแกงปักษ์ใต้นั้นใครๆ ก็รู้ดีว่ามีรสชาติที่เผ็ด ร้อนและหอมเครื่องเทศซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแกงใต้ โดยเฉพาะ “แกงส้ม” หรือที่เราเรียกกันว่า “แกงเหลือง” (เหลืองขมิ้น)นั้นเป็นแกงที่มีประโยชน์มหาศาล ซึ่งมีผลการวิจัยออกมาว่าแกงส้มนั้นสามารถทำให้เซลล์มะเร็งตายแบบธรรมชาติเพิ่มขึ้นอีก 15 เท่า

เอาละครับทีนี้เราลองมาดูกันว่าเมนูทั้งสามของทั้งสองท่านนั้นมีวิธีทำอย่างไรบ้าง

ก๋วยเตี๋ยวหลอดทรงเครื่อง

 


เครื่องปรุงประกอบด้วย
1.เส้นใหญ่หรือเส้นหมี่ขาวแช่น้ำให้นิ่มคลุกด้วยกุ้งแห้งฝอย
2.ถั่วงอกใส่ซึ่งนึ่ง

ส่วนประกอบของน้ำราด
1.กุนเชียง
2.เต้าหุ้แข็ง
3.เนื้อหมู+หมูสามชั้น
4.เห็ดหอมแช่น้ำให้นิ่ม
5.ปลาหมึกแช่
6.รากผักชี
7.พริกไทยเม็ดบุบ
8.น้ำตาลปิ๊ป
9.ซีอิ้วขาว
10.ผงปรุงรส
11.กะเทียมกลีบใหญ่ปอกเปลือกไว้ทำกะเทียมเจียว
12.มันหมูไว้เจียวทำกากหมู
13.ไชโป้วสับชนิดหวานผัดกับน้ำมันให้หอม

วิธีทำน้ำราด
ตั้งกะทะเจียวกากหมูให้เหลืองใส่กะเทียมลงเจียว(ใช้กะเทียมกลีบใหญ่ไม่เอาเปลือก)ตั้งขึ้นพักไว้ ใส่เต้าหุ้ที่หั่นไว้ลงทอด พอเหลืองตักขึ้น ใส่เห็ดหอมลงทอดตามด้วยเนื้อหมู+สามชั้นตามด้วยกุนเชียง พอเหลืองตักขึ้นพักไว้

เอาเครื่องทั้งหมดที่ทอดไว้ใส่หม้อ เติมน้ำสะอาดและน้ำแช่เห็ดหอมให้พอท่วมเครื่อง ใส่รากผักชี พริกไทยเม็ดบุบ ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำตาล ผงปรุงรส ตั้งไฟให้เดือดช้อนมันที่ลอยขึ้นมาทิ้งด้วยนะคะ ให้น้ำใส เคี่ยวจนเครื้องนุ่ม ใช้ได้

นำเอาเส้น+ถั่วงอกที่นึ่งไว้ใส่จานที่รองด้วยผักกาดหอม ตักน้ำราด โรยต้นหอมผักชี ไชโป้วสับชนิดหวาน กะเทียมเจียวกากหมู พริกไทป่น

ราดด้วยน้ำส้ม/พริกเหลือง+พริกขี้หนูสีแดงปั่นรวมกันใส่น้ำส้มสายชู

ขอขอบคุณสูตรนี้จากคุณแม่ยุ้ย กะ ลูกภีมด้วยครับ

แกงน้ำเคยปลากุ้งสับ



แกงน้ำเคยคล้ายแกงพุงปลาหรือไตปลาแต่ไม่ใช่ เพราะแกงน้ำเคยไม่ใช่แกงไตปลา จะใช้เคย(กะปิ)ที่ทำจากปลา ที่บ้านผมลำปำจังหวัดพัทลุง นิยมใช้ปลาแมวมาทำที่บ้านแม่จะทำเคยปลาไว้ใช้เอง ทำแล้วก็ส่งมาให้ลูกใช้แกงที่กรุงเทพด้วย

วิธีการแกงน้ำเคยคือตั้งน้ำร้อนจนเดือดจัดเอาเคยปลาลงไปต้มจนละลายแล้วกรองเอากากออกน้ำนี่แหละที่เรียกว่า "น้ำเคย" จากนั้นก็เอาน้ำเคยมาตั้งไฟจนเดือดอีกใส่เครื่องแกง

เครื่องแกงก็ประกอบด้วยพริกขี้หนู หอมแดง กระเทียม ข่า ตะไคร้ ขมิ้น พริกไทยเม็ด เกลือไม่ต้องใส่กะปิ เพราะใช้เคยปลาแกงอยู่แล้ว พอเครื่องแกงละลาย ก็ฉีกใบมะกรูดใส่ ปรุงรสด้วยน้ำตาลตโนดหรือน้ำตาลมะพร้าวชิมดู ถ้ายังไม่เค็มก็ใส่เกลือได้รสดีแล้วก็ใส่กุ้งสับหรือหมูสับหรือปลาย่างก็ได้ กินกับไข่ต้มกับผักจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ครับ พอดีผมมีน้ำเต้า (เวลาคนใต้พูดว่าน้ำเต้าจะหมายถึงฟักทอง) ก็ใส่ไปมีเม็ดมะม่วงอยู่นิดนึงก็ใส่ไป

ขอขอบคุณสูตรนี้จากครัวนิรนาม (นิรนาม นิรันดร จางวางดำ) ด้วยครับ

แกงส้มปลากดปักษ์ใต้


แกงส้มนั้นจริงๆ แล้วภาษาปักษ์ใต้ไม่มีคำว่า "แกงเหลือง" คำว่า "แกงเหลือง" เป็นคำที่คนต่างภาคเรียกแกงส้มปักษ์ใต้ครับ

พริกแกงส้มมีหลายสูตรครับ วันนี้ผมทำแบบง่ายที่สุดมีแค่นี้ครับ
1.พริกสด พริกแห้ง (ใส่เพื่อให้สีเข้มขึ้น)
2.กระเทียม
3.ขมิ้น
4.กะปิ
5.เกลือ (บางสูตรใส่หอมแดงด้วย บางสูตรใส่ตะไคร้ด้วย แล้วแต่ใต้ท้องถิ่นไหน).

วิธีทำ
ตำพริกแกงแล้ว ก็ตั้งน้ำเดือด ใส่พริกแกงลงไป พอละลายแล้ว ก็ใส่ปลา พอปลาสุกปรุงรสด้วย น้ำมะนาว(วันนี้ผมใช้มะนาวอย่างเดียวไม่ได้ใส่มะขามเปียก) เกลือ น้ำตาลปี๊บ รสเผ็ด เค็ม เปรี้ยว ครับ จากนั้นใส่ผัก ผมใส่หน่อไม้ดอง หม้อนี้พิเศษอีกนิด ตอนใกล้เสร็จแล้ว ผมละลาย "เคยปลา"(กะปิที่ทำจากปลาของพื้นเมืองภาคใต้) เป็น "น้ำเคย" ใส่ลงไปด้วย หอมฉุยเลยครับ

ขอขอบคุณสูตรนี้จากครัวนิรนาม (นิรนาม นิรันดร จางวางดำ) ด้วยครับ

ประโยชน์ของการกินกินแกงเหลือง แกงเลียง แกงป่า แกงส้ม

ใครชอบกินแกงเหลือง แกงเลียง แกงป่า แกงส้มนั้นมีเผลสรุปจากงานวิจัยกว่า 7,000 ชิ้น ซึ่ง Research บางเรื่องนานกว่า 10 ปี และใช้เวลาสรุปอีก 5 ปี พบว่าแกงเหลืองซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวภาคใต้ตั้งแต่ปู่ย่าตายายสามารถทำให้เซลล์มะเร็งตายแบบธรรมชาติเพิ่มขึ้นอีก 15 เท่า

การวิจัยครั้งนี้นั้นใช้เงินมหาศาลในการวิจัยถ้าใครชอบกิน แกงเหลือง แกงเลียง แกงป่า แกงส้ม (ของดีราคาถูก) ขอแสดงความยินดีด้วยครับคุณมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยมาก

ในงานประชุมดังกล่าวข้างต้น ดร.สมศรี เจริญเกียรติกุลนักวิชาการจากสถาบันเดียวกัน ได้เผยแพร่ผลการศึกษาเรื่อง ศักยภาพต้านมะเร็งของตำรับอาหารไทย ดร.สมศรี กล่าวว่า ได้ศึกษาเรื่องนำสมุนไพรต่างชนิดมาทำเป็นน้ำพริกแกงต่างๆ ได้ทดลองสารสกัดของน้ำพริกแกง 4 ชนิด ได้แก่
น้ำพริกแกงป่า
แกงเลียง
แกงส้ม
แกงเหลือง
น้ำต้มยำ
นำมาเลี้ยงเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวพบว่าน้ำแกงป่า น้ำแกงเลียงและน้ำแกงส้มมีศักยภาพให้เซลล์มะเร็งตายแบบธรรมชาติที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่นในร่างกายได้มากถึง 45 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่แกงเหลือทำให้เซลล์มะเร็งตายแบบธรรมชาติเพิ่มขึ้นอีก 15 เท่าเมื่อเทียบกันซึ่งดีกว่าการใช้ยาถึง 2 เท่าสมุนไพรสำคัญในเครื่องแกงน่าจะมาจากกระเทียมและพริกรวมทั้งสมุนไพรอื่นๆ จากงานวิจัยนี้สรุปได้ว่าการบริโภค อาหารที่เป็นสำรับแบบไทยอาทิแกงเลียงกุ้งสด ห่อหมกใบยอ ไก่ผัดเม็ดมะม่วง ข้าวสวยหรือข้าวเหนียวส้มตำใส่ แครอท ไก่ทอดสมุนไพร ต้มยำ จะมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อมะเร็งสอดรับกับงานวิจัยระดับโลกที่ว่าอาหาร อากาศ อารมณ์ ที่ดี เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนห่างไกลจากมะเร็งได้!
ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง

ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณ Somporn Jarusolot ครับ

เรียบเรียงโดย กินเที่ยวทั่วไทย

เห็นไหมครับการทำอาหารนั้นไม่ยากอย่างที่คิดอย่างไงผมของของสูตรสูตรอาหาร ของทั้งสามท่านด้วยครับ เพื่อนๆ ท่านใดอยากเป็นส่วนหนึ่งของเราเชิญได้ที่ห้อง รวมพลคนเข้าครัว หรือแฟนเพจ รวมพลคนเข้าครัว ได้ครับ เรายินดีต้อนรับคุณเสมอ   

ปรางค์กู่ ชัยภูมิ

ปรางค์กู่ ชัยภูมิ


จังหวัดชัยภูมิเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่ง ที่มีศาสนสถานที่ควรจะไปเคารพสักการะมากมายหนึ่งในนั้นคือ สถานที่ท่องเที่ยว “ปรางค์ กู่” ปรางค์ที่อยู่ในตัวเมืองปรางค์กู่ อยู่ที่บ้านหนองบัว ตำบลในเมือง เขตอำเภอเมือง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๓ กิโลเมตร ศาสนสถานนี้เป็นอโรคยาศาล สร้างขึ้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ระหว่าง พ.ศ. 1724 - 1763 ราวพุทธศตวรรษที่ 18 ซึ่งปัจจุบันนี้ ปรางค์กู่เป็นโบราณสถานที่สำคัญ และมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ มีแผนผังและลักษณะเช่นเดียวกับปราสาทที่เป็นอโรคยาศาล ซึ่งมักจะชอบสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตัวปรางค์มีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง 1 องค์ มีวิหารหรือบรรณาลัยด้านหน้า 1 หลัง ล้อมรอบด้วยกำแพงซึ่งมีโคปุระเฉพาะด้านหน้าทั้งหมด ก่อด้วยศิลาแลงยกเว้นกรอบประตูหน้าต่าง ทับหลัง เสาประดับเป็นหินทราย หันหน้าไปทางทิศตะวันออก นอกกำแพงตรงมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีสระน้ำ 1 สระ ยังคงสภาพสมบูรณ์ดีมาก โดยเฉพาะปรางค์ประธานซึ่งมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5 เมตร ย่อมุมไม้สิบสอง ด้านหน้ามีประตูเข้าออกทำเป็นมุขยื่นออกมา ผนังปรางค์อีก 3 ด้านเป็นประตูหลอก เหนือประตูหลอกด้านทิศเหนือยังคงมีทับหลังติดอยู่ จำหลักภาพตรงกลางเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิเหนือหน้ากาล ซึ่งจับท่อนพวงมาลัยไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ด้านข้างทางซ้ายและขวาจำหลักรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 กร กับรูปนางปรัชญาปารมิตา ด้านหน้ามีทับหลังเช่นกัน สันนิษฐานว่าสลักเป็นภาพเดียวกัน แต่ปัจจุบันลบเลือนมาก ที่ช่องประตูหลอกด้านทิศเหนือยังมีพระพุทธรูปศิลาปางสมาธิ ศิลปะแบบทวาราวดี ขนาดสูง 1.75 เมตร หน้าตักกว้าง 7.5 เมตร ประดิษฐานอยู่ 1 องค์ ซึ่งเป็นของที่เคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น นอกจากนี้ยังพบทับหลังและองค์ประกอบสถาปัตยกรรมอื่นๆ อีก

การเดินทางไปท่องเที่ยวปรางค์กู่จากจังหวัดชัยภูมิมาตามทางหลวงหมายเลข 202 ประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีทางแยกเลี้ยวขวาเข้าปรางค์กู่เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร

*เรียบเรียงโดย กินเที่ยวทั่วไทย
**ภาพจาก http://www.unseentourthailand.com

อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา

อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา



แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดพังงานั้นเป็นจังหวัดที่น่าแหล่งท่องเที่ยวอีกจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ โดยเฉพาะที่ “อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา” นั้นเป็นทะเลที่สวยงามและมีความสงบร่มเย็น สีทะเลออกสีเขียวมรกตสวยงามในแบบของทะเลอันดามัน อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงานนี้คลอบคลุมพื้นที่ซึ่งเป็นป่าชายเลนที่อุดม สมบูรณ์และใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ โดยนับตั้งแต่เขตอำเภอเมืองจังหวัดพังงา เลียบตามชายฝัง ไปจนถึงอำเภอตะกั่วทุ่ง ซึ่งคิดเป็นปริมาณถึง 80 เปอร์เซ็นของพื้นที่ ที่ประกอบไปด้วย เกาะน้อยใหญ่ มากถึง 42 เกาะ ทั้งนี้ตามเส้นทางที่มุ่งสู่เกาะปันหยีนั้นสามารถพบเห็นภาพเขียนซึ่งมีอายุ อยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์หรือมีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปีมาแล้วเป็นจำนวนหลายภาพ ในอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงานี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่ขึ้นชื่อเช่น เขาตะปู เขาพิงกัน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับโลก จากการที่กองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเจมส์บอนด์มาถ่ายทำในปี 2517 ในตอนที่ชื่อว่าเพชฌฆาตปืนทอง
  
กาะตะปู เป็นเขาหินปูนมีอายุประมาณ 250 ล้านปี เนื่องจากเป็นเขาหินปูนทำให้ละลายน้ำได้ง่าย เกาะตะปูจึงมีรูปร่างอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ไม่แต่เพียงเกาะตะปูเท่านั้นที่มีรูปร่างแปลกอย่างที่เห็น เกาะต่างๆ ในจังหวัดพังงานก็มีสภาพไม่ต่างกัน นั้นก็เพราะเกาะเหล่านั้นมีลักษณะเป็นเขาหินปูน เขาพิงกันก็เช่นกัน แต่เดิมเกาะตะปูและเขาพิงกันได้เชื่อมต่ออยู่บนพื้นเดียวกัน แต่เนื่องจากเกิดการเคลื่อนตัวของผิวโลก ทำให้เกิดรอยเลื่อนขนาดใหญ่เป็นแนวพาดผ่านอ่าวพังงาจึงทำให้เกาะตะปู และเขาพิงกันแยกห่างออกจากกันดังเช่นปัจจุบัน รอยเลื่อนนี้เรียกว่ารอยเลื่อนคลองมะลุ่ย




ถ้ำลอด นั้นก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบเป็นอย่างมาก ถ้ำมีขนาดใหญ่ ความยาวประมาณ 50 เมตร เรือสามารถลอดผ่านได้ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยยื่นออกมาให้ชมอย่างสวยงาม และระหว่างการเดินทางไปยังถ้ำลอดนั้น นักท่องเที่ยวจะผ่านป่าชายเลน ที่นับว่ามีความอุดมสมบูรณ์ผืนหนึ่งของประเทศไทย

เกาะห้อง มีลักษณะเป็นเขาหินปูนเหมือนเช่นกันเกาะที่มีอยู่ทั่วไปในจังหวัดพังงา ในเกาะห้องนั้นมีหินงอกหินย้อยอยู่เต็มไปหมดแลดูมีความสวยงามตามธรรมชาติ และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลักษณะของเกาะนั้นคล้ายห้องหลายๆ ห้องเรียงต่อกันเป็นแถว ภายในบริเวณเต็มไปด้วยพันธุ์พืช และสัตว์ป่าชนิดต่างๆ จำนวนมากนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมความงามบนเกาะได้ โดยการจอดเรือที่หน้าเกาะ และใช้เรือแคนูพายเข้าไปชมภายในถ้ำต่างๆ ที่อยู่ในเกาะ

*เรียบเรียงโดย กินเที่ยวทั่วไทย
***ภาพประกอบจาก http://www.siamfreestyle.com
http://mail.hu.ac.th
http://www.oknation.net/blog/maruko