อุทยานแห่งชาติภูเก้า
– ภูพานคำ
จังหวัดหนองบังลำภูนั้นเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
มีอาณาเขตติดกับจังหวัดของแก่นและอุดรธานี แม้จะเป็นจังหวัดที่เพิ่งก่อตั้งไม่นาน
ทว่าเป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานไม่น้อย นอกจากนั้นยังเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าเที่ยวคือ
“อุทยานแห่งชาติภูเก้า – ภูพานคำ”
ซึ่งอุทยานแห่งชาติแห่งนี้นั้นมีสภาพเป็นภูเขาหินทรายโดยมีชั้นหินดาดเป็นฐาน
ลักษณะโดยทั่วไปของพื้นที่ป่าเป็นป่าเต้งรัง มีเนื้อที่ประมาณ 201,250 ไร่ หรือ
322 ตารางกิโลเมตร ถูกประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 (ในขณะนั้นจังหวัดหนองบัวลำภูยังเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี)
โดยในครั้งนั้นยังเป็น “อุทยานแห่งชาติภูเก้า” ต่อมานายพิชา พิทยขจรวุฒิ
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูเก้าขอผนวกพื้นที่ป่าของเทือกเขาภูพานคำเป็นอุทยานแห่งชาติด้วยในปี
2527 จนถึงวันที่ 20 กันยายน 2528
เทือกเขาภูพานคำก็ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับอุทยานแห่งชาติภูเก้าซึ่งนับว่าเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่
50 ของประเทศ โดยใช้ชื่อว่า “อุทยานแห่งชาติภูเก้า – ภูพานคำ”
อุทยานแห่งชาติภูเก้า
– ภูพานคำเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความสวยงามอันดับต้นๆ ของประเทศ
โดยภูเก้านั้นมีลักษณะสัณฐานคล้ายกระทะหงาย จึงสันนิษฐานออกเป็น 2 ข้อคือ
1.บริเวณพื้นที่แห่งนี้อดีตเคยเป็นปากปล้องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน
2.เกิดจากการโก่งตัวเปลือกโลกในบริเวณนี้ ส่วนภูพานคำนั้น เรียงตัวตามแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
– ตะวันตกเฉียงใต้ ทางบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นแอ่งที่ราบต่ำลุ่มน้ำพอง
ซึ่งเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ ครั้งเมื่อมีการสร้างเขื่อนอุบลรัตน์ (เขื่อนน้ำพอง
จังหวัดขอนแก่น) พื้นที่บริเวณนี้ได้กลายเป็นทะเลสาบ ซึ่งก็กินเนื้อที่ครึ่งหนึ่งของเทือกเขาภูพานคำ
ส่วนพื้นที่ที่เป็นป่านั้นก็เป็นป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
ลักษณะภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำแบ่งเป็น 3 ฤดูคือร้อนในเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม
และร้อนจัดในเดือนเมษายน ฤดูฝนในเดือนมิถุนายน-เดือนตุลาคมและฝนจะตกชุกที่สุดในเดือนกันยายน
และฤดูหนาวในเดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิหนาวที่สุดในเดือนมกราคม
นอกจากจะเป็นป่าเต็งรัง
และทะเลสาบแล้วยังสามารถพบเห็นสัตว์ป่านานาชนิด
รวมไปถึงถ้ำที่มีภาพเขียนและภาพเกาะสลักของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ น้ำตก และลานหินมากมาย
โดยเฉพาะหินที่ถูกกัดเซาะจากลมและฝนมานานจนเกิดเป็นหินลักษณะแปลกๆ มากมาย
นอกจากนั้นยังมีวัดพรพุทธบาทภูเก้า ซึ่งมีรอบเท้าของคนและสุนัขขนาดใหญ่สลักลงบนหิน
ซึ่งเกี่ยวโยงกับตำนานพื้นบ้านเรื่อง "พระสุพรหมวิโมขากับหมาเก้าหาง"
อีกด้วย
*เรียบเรียงโดย
กินเที่ยวทั่วไทย
**ภาพประกอบจาก
http://learners.in.th นางสาววราภรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น