น้ำพุร้อนสันกำแพงและโป่งเดือด
น้ำพุร้อนเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ
เกิดจากการบริเวณใต้ผิวดินนั้นมีหินอัคนี เมื่อน้ำใต้ดินไหลผ่านหินเหล่านี้จะเกิดการถ่ายเทความร้อนในระดับลึกก่อนไหลย้อนขึ้นสู่ผิวดิน
ในประเทศไทยนั้นสามารถพบแหล่งน้ำพุร้อนได้มากถึง 112 แห่ง ซึ่งต่างก็อยู่กันในหลายพื้นที่ทั้งภาคกลาง
ภาคเหนือภาคใต้ และภาคตะวันตก ทางภาคเหนือนั้นมีแหล่งน้ำพุร้อนนั้นมากมาย
แต่ที่ขึ้นชื่อเมื่อใครได้ผ่านก็จะต้องแวะลงก็คงจะหนีไม่พ้นที่ “น้ำพุร้อนสันกำแพงและและโป่งเดือด”
น้ำพุร้อนสันกำแพงอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 35 นาที ตั้งอยู่ที่ กม.30
ตกบลบ้านสหกรณ์ โดยไปตามเส้นทางสาย เชียงใหม่ – สันกำแพง
พื้นที่บริเวณน้ำพุร้อนเป็นที่รายลุ่มเชิงเขา มีบรรยากาศเงียบสงบร่มเย็น
แวดล้อมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด ทั้งต้นไม้เล็กและต้นไม้ใหญ่ ในบริเวณนี้นอกจากจะมีน้ำพุร้อนและธรรมชาติให้ได้ชมแล้ว
ยังมีสถานที่อาบน้ำแร่ ซึ่งมีสองแบบแบบแรกคือการตักน้ำขึ้นมาอาบเอง
อีกแบบหนึ่งก็คือต้องลงไปแช่ทั้งตัวในสระน้ำ ที่มีระบบน้ำไหลเวียน
นอกจากสองอย่างที่กล่าวมาแล้วนั้น
หากนักท่องเที่ยวต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถเข้าไปใช้บริการอาบในเรือนพักได้
โดยในส่วนนี้จะคิดเป็นรายชั่วโมง หากพักผ่อนอาบน้ำแร่เป็นที่พอใจแล้ว
ในบริเวณเดียวกันยังมีร้านขายของที่ระลึก รายขายอาหาร และร้านจำหน่ายกอดไม้
พรรณไม้นานาพันธุ์ให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
น้ำพุร้อนโป่งเดือด นั้นตั้งอยู่ที่อุทยานห้วยน้ำดัง
อำเภอแม่แตง ซึ่งห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปประมาณ 110 กิโลเมตร
น้ำพุร้อนแห่งนี้ทางธรณีวิทยาเรียกว่า “กีเซอร์” (Geyser) หมายถึงน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นสูงจากพื้นดินเป็นช่วงๆ
ตามแรงดันของใต้ผิวดิน โป่งเดือนนี้จะมีน้ำพุเป็นบ่อๆ มีทั้งหมด 3 บ่อ บ่อที่ใหญ่ที่สุดนั้นจะมีแรงดันจากใต้ผิวดิน
ส่งผลให้น้ำพุพุ่งสูงถึง 2 เมตรในทุกๆ 30 วินาทีด้วยความร้อน 99 องศาเซลเซียส
ในบริเวณเดียวกันนั้นเองยังมีห้องอาบน้ำที่ต่อท่อมาจากโป่งเดือดอีกด้วย ว่ากันว่าน้ำพุร้อนโป่งเดือดนี้มีคุรสมบัติบำรุงรักษาผิวพรรณให้ดูอ่อนเยาว์และนุ่มนวลเสมอ
และยังเป็นน้ำพุร้อนแบบกีเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
น้ำพุร้อนโป่งเดือดนี้นอกจากจะมีบริการอาบน้ำพุ
อาหาร ร้านขายของที่ระลึกแล้ว ยังมีบริการที่พักอาศัยโดยจะต้องนำเต็นท์มาเอง
หรือสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานได้เลย ส่วนบ้านพักนั้นจะต้องมีการติดต่อขอจ้องล่วงหน้าที่
0-2562-0760
*เรียบเรียงโดยกินเที่ยวทั่วไทย
**ภาพประกอบจาก
http://51010918841.blogspot.com
http://travel-tooyou.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น