วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ขนมจีนน้ำยาขมิ้นปลาดอรี ขนมผักกาด สับปะรดต้มซี่โครงหมูอ่อน



ขนมจีนน้ำยาขมิ้นปลาดอรี ขนมผักกาด สับปะรดต้มซี่โครงหมูอ่อน

สวัสดีสมาชิก “กินเที่ยวทั่วไทย” และ “รวมพลคนเข้าครัว” เช่นเดิมครับ วันนี้ผมมาแนะนำสูตรอาหารของสมาชิก “ห้องรวมพลคนเข้าครัว” ทั้งสามเมนูนั้นก็คือขนมจีนน้ำยาขมิ้นปลาดอรี ขนมผักกาด สับปะรดต้มซี่โครงหมูอ่อน ดยทั้งสามสูตรมาจากสมาชิกทั้งสามท่านคือคุณThanyarat Bhalakula คุณSeaangel Nicky และคุณต้มยำทำครัว เพียงลำพัง เป็นเมนูที่ดูเหมือนจะยุ่งยากแต่ไม่ยุ่งยากเลยครับ อีกทั้งเป็นเมนูที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเป็นยอ่างมากตั้งแต่ปลาดอรีหรือที่เรารู้จักกันดีว่าปลาสวายนั้นละครับ ซึ่งก็มีผลทางการวิจัยออกมาแล้วว่ามีโอเมก้า 3 มากกว่าปลาทะเลบางชนิดเสียอีก หัวไชเท้าหรือผักกาดนั้นในตำรายาพื้นบ้านอินเดียแนะว่า เมื่อทานแล้วจะช่วยให้นอนหลับรวมถึงแก้โรคประสาท ทว่าทางด้านวงการแพทย์แผนจีนมองว่า หัวไช้เท้าอยู่ในกลุ่มหยาง (yang) คือเป็นอาหารร้อนจึงไม่ควรทานเวลามีไข้ ส่วนในวัฒนธรรมการกินอย่างอาหารญี่ปุ่นนั้นก็นิยมนำหัวไช้เท้าดิบมาขูดฝอยลงในซีอิ๊ว ใช้เป็นน้ำจิ้ม เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าช่วยกระตุ้นน้ำย่อย ส่วนประโยชน์ของสับปะรดนั้นก็มีมากมายหลากหลายซึ่งคุณต้มยำทำครัว เพียงลำพังได้เขียนเอาไว้ให้ได้อ่านแล้ว
เอาละครับตอนนี้เราลองไปดูซิว่าอาหาร 3 เมนู จาก 3 ท่านนั้นมีส่วนประกอบและวิธีทำอย่างไรบ้าง

ขนมจีนน้ำยาขมิ้นปลาดอรี




ส่วนประกอบของขนมจีนน้ำยาขมิ้นปลาดอรี
1.น้ำพริกแกงส้มใต้ 200 กรัม
2.น้ำพริกแกงเผ็ดใต้ 100 กรัม
3.เนื้อปลาแพนกาเซียสดอรี่ 2 กิโล
4.กระเทียม 100 กรัม
5.หอมแดง 150 กรัม
6.ตะไคร้อ่อน 10 ต้น
7.ใบมะกรูด 15 - 20 ใบ
8.ขมิ้น 1 ท่อนขนาดประมาณ 1x3 นิ้ว
9.ขิง 1 ท่อนขนาดประมาณ 1x2 นิ้ว
10.ข่า 1 ท่อนขนาดประมาณ 1x3 นิ้ว
11.กะปิหอม 3 ช้อนโต๊ะ
12.เกลือป่น 1 ช้อนชา
13.พริกไทยดำบด 1 ช้อนโต๊ะ
14.น้ำปลาแท้ 3 ช้อนโต๊ะ
15.น้ำมันพืช 3-5 ช้อนโต๊ะ
16.น้ำ 7 ลิตร

ผักแนม
1.ถั่วฝักยาว
2.กะหล่ำปลี
3.แตงร้าน
4.มะเขือเทศ
5.แครอท
6.ถั่วพู
7.ยอดใบมะกอก
8.สะระแหน่
(ผักแนมแล้วแต่ใครชอบผักอะไรค่ะ อยากกินผักจานละหลาย ๆ สี หลายรสสัมผัสและรสชาติค่ะ)

วิธีทำขนมจีนน้ำยาขมิ้นปลาดอรี
1.นำกระเทียม,หอมแดง,ขมิ้น,ขิง,ข่า,ตะไคร้,ใบมะกรูดปั่นให้ละเอียดพร้อมกะปิและน้ำบางส่วน
2.ล้างเนื้อปลาดอรีผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
3.ใส่น้ำมันพืชลงในกะทะ เมื่อร้อนดีแล้ว ใส่เนื้อปลาลงไป โรยพริกไทยดำบด รอให้เนื้อปลาเริ่มแห้งและมีสีเหลืองอ่อน คลุกเคล้าเนื้อปลาให้เข้ากัน ยีให้ละเอียดฟู ใส่น้ำพริกแกงลงไป ผัดให้เข้ากันดีและหอม (ถ้าติดกะทะเติมน้ำมันพืชนิดหน่อย)
4.ตักใส่หม้อ เติมน้ำบางส่วนลงในกะทะ ขูดเนื้อปลาและเครื่องแกงมาใส่หม้อให้หมด
5.เติมน้ำที่เหลือลงในหม้อต้มให้เดือด
6.ใส่เครื่องเทศที่ปั่นละเอียดลงในหม้อ ต้มให้เดือด 15 นาทีปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำปลาตามใจชอบ

ป.ล.สูตรนี้จะรสจัดจ้าน เข้มข้น ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่น้ำตาล ใช้ปลานิลหรือปลาช่อน แทนได้ค่ะ วันนี้ลองใช้เนื้อปลาแพนกาเซียสดอรี เพราะเนื้อนิ่ม ยีได้สะดวกสำหรับคนปวดแขน ปวดหลังค่ะ สูตรนี้น่าจะช่วยล้างไขมันในเส้นเลือด และ แก้ลม แก้ไข้ แก้ปวดเมื่อย ได้เลยนะคะเนี่ย เพราะกินแล้วเลือดลมร้อนหลายระดับจากสมุนไพรหลายตัว  เวลาทำใส่น้ำพริกแกงครึ่งสูตรก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยมาเติมเพิ่มตอนน้ำเดือดครั้งแรก ว่าชอบเข้มข้น เผ็ดจัดแค่ไหน เวลากิน เพิ่มไข่ต้ม และ บีบน้ำมะนาวไปอีกนิด ถ้าชอบมีรสเปรี้ยว แค่นี้ก็อร่อย และสุขภาพดีได้ไม่ยากค่ะ

ขอขอบคุณสูตรโดยคุณThanyarat Bhalakula

ขนมผักกาด



ส่วนประกอบของขนมผักกาด
1.ใช้หัวไชเถ้าขูดผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งข้าวเหนียวแป้งทุกอย่างใช้อย่างละถ้วยเท่าๆ กันค่ะ
2.เกลือ น้ำตาลทรายไชเถ้าขูดต้องขยำเกลือให้หายขื่นแล้วเอาขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
3.ผสมแป้งสามอย่างให้เข้ากันดี ใช้น้ำสะอาด 1 ถ้วยค่ะ ตั้งน้ำลังถึงให้เดือดเอาน้ำมันทาพิมพ์ไม่ให้ขนมติด บีใช้พิมพ์แบบถอดได้ค่ะ
4.พอน้ำเดือดดีผสมไชเถ้าลงไปใส่เกลือใส่น้ำตาลในแป้ง เอาพิมพ์ใส่ลังถึงแล้วเทส่วนผสมลงไปโรยหน้าด้วยเห็ดหอมแช่น้ำหั่น กุ้งแห้งที่แช่น้ำไว้เช่นกัน แล้วเอากระเทียมเจียวพร้อมน้ำมันเจียวโรยลงไป นึ่งไฟแรง30นาที เอาออกมาถอดพิมพ์ เอาขนมใส่ถาดตากลมไว้ทั้งสองด้านจนแห้งตึง เตรียมไว้ทอดค่ะยังไม่รับทานใส่ตู้เย็นไว้ได้นะคะ ที่จริงการทำได้โพสต์ลงไปอีกอันนึงแล้วค่ะ

วิธีทำขนมผักกาด
จากที่เมื่อวานนึ่งเอาไว้ กลางวันนี้ก็เลยผัดขนมผักกาดให้ที่บ้านทานกันค่ะ  เอาขนมผักกาดที่นึ่งไว้ ออกมาตัดเป็นชิ้นพอคำนำไปทอดในน้ำมันให้กรอบนอก นุ่มใน ทอดจนหมดเลย แล้วค่อยผัดทีละจานค่ะ เวลาผัดก็ใส่ขนมผักกาดที่ทอดไว้ลงไปก่อน ใส่ไข่ไก่ 1 ฟอง เอาขนมผักกาดกลบไข่ไว้ให้สุกรอให้เกรียมๆ นิดๆ ใส่ถั่วงอก ใส่กุยช่ายลงไป ผัดไปใส่ ซีอิ้วดำหวาน น้ำตาลปลายช้อนชา ซีอิ้วขาว ผัดให้ทั่วพอผักสลบ ตักใส่จาน โรยพริกไทยป่น รับทานกับซีอิ้วดำหวาน ซ๊อสพริก หรือจะใส่พริกดองแบบคุณแม่บีก็ได้ คือปรุงตามชอบเลยค่ะ ชอบเผ็ดใส่พริกป่นนะคะ

ขอขอบคุณสูตรโดยคุณ Seaangel Nicky

สับปะรดต้มซี่โครงหมูอ่อน



ลูกสาวบอกอยากกินต้มสัปปะรด ไม่ได้ทำให้กินนานแล้วทำก็ทำงั้นไปซื้อของกัน ซื้อสัปปะรดมา 2 ลูก ปอกให้ด้วย แล้วก็ผักชี 1 กำเสร็จแล้วไปทำกันเลย เครื่องที่เหลือมีในตู้เย็นแล้วค่ะ

ส่วนประกอบของสับปะรดต้มซี่โครงหมูอ่อน
1.สับปะรด หั่นพอคำ
2.ซี่โครงหมูอ่อน
3.พริกไทยขาว กระเทียม รากผักชี กุ้งแห้ง โขลกพอแหลก
4.ต้มน้ำให้เดือดใส่เครื่องแกงโขลกลงไป เกลือ 1 ช้อนชา
5.ใส่สัปปะรดกับกระดูกหมูเคี้ยวไฟอ่อนๆ (เดี๋ยวน้ำแกงจะขุ่น)
6.เคี้ยวต่อไปสัก 20 นาที กระดูกหมูจะเปื่อย น้ำแกงก็เข้าเนื้อสับปะรดพอดี
7.ปรุงรสน้ำตาลปีบ รสดี ชิมรสให้ได้หวานนำนิดนึ่ง เค็มพอดี ร้อนพริกไทย (ไม่ใช้น้ำปลาค่ะเพรามันคาว)
รอให้เดือดอีกครั้งดับไฟตักใส่ชามตั้งโต๊ะเลย

สับปะรดกับการลดนํ้าหนัก
สับปะรดมีวิตามินซีที่สามารถ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ช่วยในการย่อยอาหาร ลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง สับปะรด เป็นผลไม้ที่หารับประทานได้ง่ายในบ้านเราตลอดทั้งปี ราคาไม่แพง มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ประโยชน์สัปปะรดมีดังนี้

1.ช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง กินสับปะรดวันละหนึ่งชิ้น ร่างกายได้รับวิตามินซีที่ในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อ ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ การกินสับปะรดวันละหนึ่งชิ้น จึงเป็นการเพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกาย แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากเกินไป

2.ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ ที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้สารแอนตี้ออกซิแดนต์ ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

3.ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารมาก ที่มีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และยังช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

4.ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือ จะช่วยลดความเสียงโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็ง ได้ถึง 20% เชียวนะ

5.ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง และเอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ผิดปกติในปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ป้องกันมะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่

6.ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดช่วยยับยั้งการอักเสบ ซึ่งชาวอเมริกาใต้โบราณ ใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผลที่ได้ผลดี

7.ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินซีสูง ที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้

*แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ควรกินแต่พอควร เช่น วันละหนึ่งชิ้น และกินผลไม้อื่น ๆ ผสมผสานกันด้วย เพราะการกินอะไรที่มากไปก็ย่อมให้ผลเสียอยู่ดี

ขอขอบคุณสูตรโดยคุณต้มยำทำครัว เพียงลำพัง

เห็นไหมครับการทำอาหารนั้นไม่ยากอย่างที่คิดอย่างไงผมของของสูตรสูตรอาหาร ของทั้งสามท่านด้วยครับ เพื่อนๆ ท่านใดอยากเป็นส่วนหนึ่งของเราเชิญได้ที่ห้อง "รวมพลคนเข้าครัว" หรือแฟนเพจรวมพลคนเข้าครัวได้ครับ เรายินดีต้อนรับคุณเสมอ  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น